วีซ่าและททท. จัดงาน “Amazing Thailand Grand Sale 2015” เดินหน้าดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้าประเทศ

06/15/2015

วีซ่ามุ่งหน้าผลักดันแคมเปญ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์หลังจากประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา ซึ่งทำให้ปริมาณการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวทั้งหมดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 และการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวไทยภายในประเทศเพิ่มสูงถึงร้อยละ 22

วีซ่ามุ่งหน้าผลักดันแคมเปญ อะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์หลังจากประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา

ซึ่งทำให้ปริมาณการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวทั้งหมดเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15

และการใช้จ่ายนักท่องเที่ยวไทยภายในประเทศเพิ่มสูงถึงร้อยละ 22

นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ (ซ้าย) ผู้จัดการวีซ่า อินเตอร์เนชั่นแนล ประจำประเทศไทย และนางวิไลวรรณ  ทวิชศรี รองผู้ว่าการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ด้านสินค้าและธุรกิจท่องเที่ยว ผนึกกำลังเปิดงาน อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ ที่ศูนย์การค้าเกษรพลาซ่า 

กรุงเทพฯ, วันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2558

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับ วีซ่า จัดแคมเปญ “Amazing Thailand  Grand Sale 2015” อะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ มหกรรมลดราคาสินค้าและบริการท่องเที่ยว โดยเชิญชวนผู้ประกอบการกว่า 15,000 ราย ครอบคลุมประเภทสินค้าและบริการ ในจังหวัดท่องเที่ยวหลัก 7 พื้นที่ (กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต หาดใหญ่ พัทยา หัวหิน และอุดรธานี) นำเสนอสินค้าและบริการท่องเที่ยวที่ลดราคาเป็นพิเศษ เพื่อกระตุ้นนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ในประเทศไทย ในช่วง Green Season ตั้งแต่ 15 มิถุนายน ถึง 15 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาใช้จ่ายในช่วงนี้ นอกจากจะได้รับส่วนลดสูงสุดถึง 80% ยังได้รับโอกาสลุ้นรางวัล “ท่องเที่ยวประเทศไทย 365 วัน” ประกอบด้วย บัตรโดยสารเครื่องบิน (การบินไทย) และที่พัก (ในเครือเซ็นทารา) ซึ่งสามารถบินได้เดือนละ 1 ครั้ง สำหรับที่นั่งชั้นประหยัด และพักได้นานสูงสุด 10 วัน แบ่งเป็น 2 รางวัลๆ ละ 2 ท่าน สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และคนไทย เมื่อซื้อสินค้า บริการครบทุก 500 บาท

วีซ่าเผยผลตอบรับจากแคมเปญอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ในปี พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมานั้นดีเกินคาดหมาย  เพราะมีการเพิ่มขึ้นของการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวเยอรมัน และการเติบโตที่แข็งแกร่งของธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ

การเติบโตอย่างมีนัยยะสำคัญของปริมาณการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าโดยรวมที่สูงขึ้นถึงร้อยละ 15  ประกอบกับการใช้จ่ายภายในประเทศที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 22 ตามลำดับ การจับจ่ายใช้สอยที่โตไปในทิศทางที่ดีเช่นนี้ เป็นการตอกย้ำถึงความสำเร็จของการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทยผ่านแคมเปญอะเมซซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ แคมเปญในปีนี้ยังจัดขึ้นในโอกาสครบรอบ 17 ปีของความร่วมมือระหว่างวีซ่าและการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)

แม้ว่าอัตราการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะไม่แน่นอน โดยเฉพาะในบรรดาประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ประกอบกับวิกฤติเงินรูเบิลของประเทศรัสเซียที่อ่อนค่าลง (Russian Rouble) รวมถึงแนวโน้มปัญหาทางการเมืองอื่น ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศไทยก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข้มแข็งของการฟื้นตัวที่ดีและรวดเร็วภายในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากกรมการท่องเที่ยวเผยว่านักท่องเที่ยวได้หลั่งไหลเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวตั้งแต่เดือนธันวาคมในปีที่ผ่านมาด้วยตัวเลขที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.8 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา[1] ประเทศไทยยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนการท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ของปี 2558 ข้อมูลจากศูนย์วิจัยด้านตลาดการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เผยให้เห็นถึงจำนวนที่เพิ่มขึ้นของผู้โดยสารระหว่างประเทศที่เดินทางเข้ามาเที่ยว และพักผ่อนในประเทศไทยช่วงเทศกาลสงกรานต์ในเดือนเมษายนที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองสูงถึงร้อยละ 25.3 และร้อยละ 66.8 ตามลำดับจากปีที่ผ่านมา[2]

นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ ผู้จัดการวีซ่าประจำประเทศไทย กล่าวว่า “อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญสำหรับประเทศไทย และเป็นหนึ่งในรายได้หลักของวีซ่า เราจึงสนับสนุน และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวต่าง ๆ ด้วยจำนวนของนักท่องเที่ยวที่ทยอยเดินทางเข้ามาในประเทศไทยถึงแม้ว่าจะเกิดผลกระทบต่างๆ ขึ้นทั่วโลกก็ตาม วีซ่ายังคงสนับสนุนและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวแนวหน้าของโลกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามามากขึ้น เรา ด้วยฐานผู้ถือบัตรวีซ่าหลายล้านคนทั่วโลก วีซ่าภูมิใจที่มีส่วนส่งเสริมการเติบโตด้านการท่องเที่ยว โดยเฉพาะการเป็นภาคีที่ดีของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ณ วันนี้เรายังคงตั้งหน้าตั้งตาให้การต้อนรับแก่นักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้น”

นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่จับจ่ายใช้สอยมากที่สุดที่ได้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในปี 2557 ได้แก่ นักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวเยอรมันด้วยจำนวนเงินสะพัดที่เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14 และร้อยละ 13 ตามลำดับ นอกเหนือจากนักท่องเที่ยวเหล่านี้แล้วนักท่องเที่ยวภายในประเทศยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมภาคการท่องเที่ยวโดยจำนวนนักท่องเที่ยวไทยภายในประเทศกันเองที่ใช้จ่ายมากถึง จำนวนถึงร้อยละ 22 เมื่อเทียนกับปี พ.ศ. 2556  ด้วยอานิสงส์นโยบายรัฐบาลที่อนุญาตให้ภาคเอกชนสามารถคืนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายการท่องเที่ยวภายในประเทศได้ อาทิ ค่าตั๋วเครื่องบินและที่พัก เป็นต้น

ข้อมูลการของวีซ่ายังบอกถึงความนิยมชมชอบสำหรับในการใช้จ่ายเงินที่แตกต่างกันของนักท่องเที่ยวจากประเทศต่าง เช่น นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นส่วนมากต่างก็นิยมใช้เงินไปกับกลุ่มร้านอาหาร คิดเป็นร้อยละ 16 จากจำนวนการใช้จ่ายทั้งหมด ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน ออสเตรเลียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์จะให้ความสนใจต่อการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Medical Tourism) ด้วยจำนวนร้อยละ 11 ร้อยละ 17 และร้อยละ 18 ตามลำดับของการใช้จ่ายทั้งหมด ด้านนักท่องเที่ยวชาวจีนและชาวรัสเซียก็นิยมใช้จ่ายไปกับสินค้าลักชัวรี่ และแบรนด์เนมคิดเป็นร้อยละ 10

ในขณะที่เมื่อเปรียบเทียบกับนักท่องเที่ยวชาวเอเชีย นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันและชาวยุโรปพบว่ามีแนวโน้มการใช้เงินสดสำหรับการใช้จ่ายที่สูงกว่า แม้ว่าจะมาจากตลาดที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตรอย่างแพร่หลายมากกว่าก็ตาม สำหรับนักท่องเที่ยวชาวสิงคโปร์และชาวญี่ปุ่นนิยมใช้จ่ายผ่านเงินสดน้อยที่สุด โดยการถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มคิดเป็นจำนวนเงินค่าใช้จ่ายแค่ ร้อยละ 2 และ 5 ตามลำดับเท่านั้น และนิยมใช้จ่ายผ่านบัตรมากกว่า ด้านนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษและชาวอเมริกันนิยมถอนเงินสดจากตู้เอทีเอ็มเป็นมากที่สุดคิดเป็นจำนวนเงินค่าใช้จ่ายถึง ร้อยละ 14 และ15 ตามลำดับ

นอกจากการจัดประเภทการใช้จ่ายดังกล่าวแล้ว นักท่องเที่ยวยังนิยมท่องเที่ยวไปในแต่ละเมืองใหญ่ของประเทศไทยไม่เหมือนกันอีกด้วย ตัวอย่างเช่น นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นส่วนมากนิยมเที่ยวกรุงเทพฯ และเมืองพัทยา ในขณะที่นักท่องเที่ยวชาวอเมริกันและชาวจีนนิยมเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนนักท่องเที่ยวชาวออสเตรเลียนิยมเที่ยวจังหวัดภูเก็ต และนักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเศสและชาวอังกฤษนิยมเที่ยวเกาะสมุย

 “วีซ่าได้นำเสนอสิ่งใหม่ ๆ และหลากลายแก่ร้านค้ารวมถึงจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย และยังคงมุ่งมั่นที่จะเพิ่มจุดรับบัตร เพื่อให้ผู้ถือบัตรได้รับความสะดวกสบายสำหรับการชำระเงินผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ วีซ่าไม่หยุดที่จะพัฒนานวัตกรรม และความปลอดภัยของระบบชำระเงินเพื่อเป็นทางเลือกแรกๆของการชำระเงินหลักแก่นักท่องเที่ยว    เพื่อให้นักท่องเที่ยวหลากหลายเชื้อชาติมีประสบการ์ณท่องเที่ยวที่ดี เช่นเดียวกับหลายปีที่ผ่านมา เราภูมิใจที่เป็นตัวเชื่อมต่อธุรกิจการท่องเที่ยวไทยกับนักท่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ เราไม่หยุดที่จะนำสิทธิพิเศษที่น่าสนใจสำหรับผู้ถือบัตรทุกท่าน เราหวังเป็นอย่างยิ่งเราจะมอบเหตุผลที่ดียิ่งขึ้นแก่นักท่องเที่ยวและเพื่อนชาวไทยในการใช้จ่ายผ่านบัตรวีซ่าตลอดแคมเปญอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ แกรนด์เซลล์ที่จะถึงนี้” นายสมบูรณ์ ครบธีรนนท์ กล่าวเพิ่มเติม


[1]   สถิตินักท่องเที่ยว 2014 จากกรมการท่องเที่ยว ดูรายละเอียดได้ที่  http://www.tourism.go.th/home/details/11/221/23044
[2]   ข้อมูลสรุปจำนวนผู้โดยสาร ณ วันที่ 1 – 26 เมษายน 2558 จากศูนย์วิจัยด้านตลาดการท่องเที่ยวของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ดูรายละเอียดได้ที่ http://marketingdb.tat.or.th/tat-web-portal-01



เกี่ยวกับวีซ่า

วีซ่าคือบริษัทผู้ให้บริการด้านเครือข่ายการชำระเงินระดับโลก แก่ลูกค้าบุคคล ธุรกิจ และสถาบันการเงิน ตลอดจนองค์กรรัฐ ในกว่า 200 ประเทศทั่วโลกด้วยเทคโนโลยีด้านเงินตราดิจิตอลที่รวดเร็ว ปลอดภัย และวางใจได้ โดยมี VisaNet หนึ่งในระบบเครือข่ายการทำงานด้านเงินตราดิจิตอลที่ทันสมัยมากที่สุดระบบหนึ่งของโลกเป็นรากฐาน ซึ่งสามารถประมวลและควบคุมการทำธุรกรรมได้กว่า 56,000 รายการในหนึ่งวินาที พร้อมด้วยระบบป้องกันการปลอมแปลงสำหรับลูกค้าบุคคล และการรับประกันการชำระเงินสำหรับร้านค้า วีซ่าไม่ใช่ธนาคารและมิได้มีบริการการออกบัตร เพิ่มวงเงินเครดิต หรือกำหนดอัตราค่าบริการแก่ผู้ถือบัตร หากแต่ให้บริการนวัตกรรมซึ่งส่งเสริมให้สถาบันการเงินสามารถมอบทางเลือกที่มีความหลากหลายให้แก่ลูกค้าได้ เช่น บริการชำระเงินจากยอดเงินในบัตรเดบิต หรือการใช้จ่ายด้วยวงเงินล่วงหน้าผ่านผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตต่าง ๆ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวีซ่า อ่านได้ที่: http://www.visa.co.th  http://www.visaapnews.asia/ และ@VisaNews บนทวิตเตอร์